เทคนิคการขับรถออฟโรดเบื้องต้น
ประโยชน์ของรถขับเคลื่อน 4WD
นับว่ารถประเภทขับเคลื่อน 4 ล้อ SUV หรือ Up 4x4 ได้รับความนิยมจากผู้ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ เป็น รถประเภทนี้มีลักษณะในการขับขี่ ฃบนผิวทางที่รถ 2 ล้อธรรมดาไม่สามารถทำได้ และระบบ 4X4 ยังช่วยได้รับความปลอดภัยมากกว่าธรรมดา ยามฉุกเฉิน ขณะมีพายุฝนตกหนัก หรือเส้นทางบางส่วนถูกทำลาย แต่การขับขี่รถประเภทนี้ ต้องฝึกฝนและขับขี่พื้นฐานอย่างถูกวิธี หลังจากนั้น จากการฝึกฝน ประสบการณ์ผู้ขับขี่จะมีความชำนาญมากขึ้น การขับขี่อย่างถูกวิธี จะทำให้ผู้ขับขี่ใช้รถได้อย่างปลอดภัย รถบอบช้ำน้อยที่สุด สามารถใช้ประโยชน์ 4X4 และอื่นๆของรถยนต์ได้สูงสุด
NAS Challenage2005
NAS Challenage2004
โครงการ ม้าก้านกล้วย
แรลลี่น้ำใจจราจร
--------------------------------------------------------------------------------
ความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัย ถือเป็นหัวใจของการขับขี่ Off Road ดังนั้นก่อนที่จะเคลื่อนรถ Off Road นั้นก่อนที่จะเคลื่อนรถของท่านออกไป สิ่งแรกที่ควรกระทำคือ การปรับเบาะและพนักพิงให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะกับสรีระของแต่ละท่าน ไม่ชิดกับพวงมาลัยเกินไป หรือห่างจนไม่สามารถจะมองเห็นทัศนวิสัยรอบ ได้ชัดเจน กระจกมองหลังและกระจกมองข้างต้องปรับให้ได้ระดับพอดีให้เรียบร้อย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งควรจะให้ชินจนกลายเป็นนิสัย มิใช่เฉพาะแต่การขับในเส้นทาง Off Road เท่านั้น ควรจะคาดตลอดเวลาที่เดินทาง เมื่อทุกหย่างเรียบร้อยแล้วก็พร้อมที่จะออกเดินทางได้ พึงจำไว้เสมอว่าในการขับขี่ในทาง Off Road นั้นจะต้อง
“ ตาดู หูฟัง สังเกต “ การควบคุมรถ ตำแหน่ง “ท่านั่ง”
ปรับท่านั้นที่สามารถควบคุมรถที่ดีที่สุด มีทัศนวิสัยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระยะแขนกับพวงมาลัยระยะห่างพอดี สามารถวางระยะขา สามารถควบคุมแป้นเบรก / คันเร่ง / คลัทช์ได้ดี ตำแหน่งการนั่งที่ไม่ดี เมื่อรถเกิดการสั่นสะเทือนเอียงไปเอียงมา หมายความว่า ตัวเราจะเคลื่อนไหวจนไม่สามารถควบคุมบังคับรถได้เท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย คันเร่ง เบรก หรือ คลัทช์ ซึ่งมีความสำคัญมาก การขับรถที่ดีควรเป็นไปอย่างราบเรียบ เมื่อรู้สึกว่าเครียดกับการควบคุมบังคับรถ แสดงว่าเราใช้ความเร็วสูงเกินไป ควรลดความเร็วลง
การจับพวงมาลัย
จะต้องจับตำแหน่ง 2 นาฬิกา ยื่นหัวแม่โป้ง จากพวงมาลัย ขณะขับขี่ห้าสอด มือ แขน เมื่อ พวงมาลัย เมื่อดึงพวงมาลัย เมื่อเลี้ยวหรือเข้าโค้ง เนื่องจากการขับขี่ทางวิบาก รถอาจตกหลุม กระแทกพวงมาลัยอาจจะหมุนรุนแรงตีมือได้ โดยเฉพาะรถที่ไม่มีโช๊คกันสะบัดและไม่มีเพาเวอร์
การขับขี่รถมีการตอบสนอง 3 ประการ
1. การเร่ง
2. การเบรก
3. การเลี้ยว
การเร่ง
- ค่อยๆเหยียบคันเร่ง เพื่อป้องกันล้อหมุนฟรี
- การเร่งเครื่องแรงเกินไปจนกระทั่งหมุนฟรี จะมีผลเสีย ซึ่งในบางครั้งล้ออาจจะจมลงในทรายหรือโคลน ซึ่งยากต่อการดึงขึ้น หรือเกิดการสไลด์ลื่นไถลทำให้ยากต่อการควบคุม
- รักษาคันเร่งให้คงที่ เป็นวิธีที่จะให้ตัวรถเคลื่อนไปด้วยความราบเรียบและนุ่มนวล ตัวคันเร่งนั้น เมื่อเราใช้เกียร์ต่ำ จะมีผลตอบสนองที่เร็วมาก ด้วยเหตุนี้เราจึงควรเหยียบคันเร่งให้อยู่ในรอบเครื่องยนต์คงที่ตลอดเวลาที่ผ่านอุปสรรคต่างๆ ไม่จำเป็นต้องใช้รอบเคร่องสูงแต่ประการใด ถ้าเครื่องยนต์มีกำลังดีแล้วเพียงรอบต่ำก็พอ
- ถอนคันเร่งเบาๆ เพื่อให้การลดความเร็วเป็นไปอย่างนุ่มนวล
- เมื่อต้องลดความเร็วลง ให้ใช้วิธีค่อยๆ ผ่อนคันเร่งอย่างช้าๆ ไม่ควรถอนคันเร่องอย่างฉับพลันเพราะจากอัตราทดของเฟือง จะทำให้ตัวรถเกิดการกรตุกอาจจะเสียการทรงตัว
การเบรก
- พยายามเบรกอย่างนุ่มนวล ป้องกันมีการลื่นไถล
- ถ้าเบรกรุนแรง อาจทำให้ล้อเกิดอาการล็อกตาย และการลื่นไถล ซึ่งอาจเป็นอันตรายย่างยิ่ง
- หลีกเลี่ยงการใช้เบรก บังคับรถโดย Engine Brake จากเกียร์และระบบ 4X4 L
การเลี้ยว
- ไม่ควรหักเลี้ยวมากจนเกินความจำเป็น การหมุนพวงมาลัยมากเกินไปจะทำให้เกิดการหลงไม่ทราบ ลักษณะการหักเลี้ยวของล้อ ก่อให้เกิดปัญหากับการบังคับทิศทาง
- ถ้ารถเลี้ยวอาการไถลด้านข้างให้ค่อยๆ หมุนพวงมาลัยตามทิศทางที่ลื่นไถลและค่อนๆถอนเท้าออกจากคันเร่ง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดการหักขืนของตัวรถ ซึ่งจะทำให้เกิดการลื่นไถลมาขึ้น จนยากต่อการแก้ไข และอาจเป็นเหตุผลให้ตัวรถเกิดการพลิกคว่ำได้
- หลีกเลี่ยงการโยกไหล่และศีรษะเมื่อหมุนพวงมาลัย เพราะเมื่อตัวเรานิ่งอยู่กับที่เราสามารถบังคับรถได้ง่าย แต่ถ้าตัวเราโยกศีรษะไม่นิ่ง ก็ก่อให้เกิดปัญหากับการควบคุมบังคับ ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายได้ง่าย โดยเฉพาะยามขับรถบนเส้นทางขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ
ข้อมูลโดย ThailandOffroad.com
ประโยชน์ของรถขับเคลื่อน 4WD
นับว่ารถประเภทขับเคลื่อน 4 ล้อ SUV หรือ Up 4x4 ได้รับความนิยมจากผู้ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ เป็น รถประเภทนี้มีลักษณะในการขับขี่ ฃบนผิวทางที่รถ 2 ล้อธรรมดาไม่สามารถทำได้ และระบบ 4X4 ยังช่วยได้รับความปลอดภัยมากกว่าธรรมดา ยามฉุกเฉิน ขณะมีพายุฝนตกหนัก หรือเส้นทางบางส่วนถูกทำลาย แต่การขับขี่รถประเภทนี้ ต้องฝึกฝนและขับขี่พื้นฐานอย่างถูกวิธี หลังจากนั้น จากการฝึกฝน ประสบการณ์ผู้ขับขี่จะมีความชำนาญมากขึ้น การขับขี่อย่างถูกวิธี จะทำให้ผู้ขับขี่ใช้รถได้อย่างปลอดภัย รถบอบช้ำน้อยที่สุด สามารถใช้ประโยชน์ 4X4 และอื่นๆของรถยนต์ได้สูงสุด
NAS Challenage2005
NAS Challenage2004
โครงการ ม้าก้านกล้วย
แรลลี่น้ำใจจราจร
--------------------------------------------------------------------------------
ความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัย ถือเป็นหัวใจของการขับขี่ Off Road ดังนั้นก่อนที่จะเคลื่อนรถ Off Road นั้นก่อนที่จะเคลื่อนรถของท่านออกไป สิ่งแรกที่ควรกระทำคือ การปรับเบาะและพนักพิงให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะกับสรีระของแต่ละท่าน ไม่ชิดกับพวงมาลัยเกินไป หรือห่างจนไม่สามารถจะมองเห็นทัศนวิสัยรอบ ได้ชัดเจน กระจกมองหลังและกระจกมองข้างต้องปรับให้ได้ระดับพอดีให้เรียบร้อย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งควรจะให้ชินจนกลายเป็นนิสัย มิใช่เฉพาะแต่การขับในเส้นทาง Off Road เท่านั้น ควรจะคาดตลอดเวลาที่เดินทาง เมื่อทุกหย่างเรียบร้อยแล้วก็พร้อมที่จะออกเดินทางได้ พึงจำไว้เสมอว่าในการขับขี่ในทาง Off Road นั้นจะต้อง
“ ตาดู หูฟัง สังเกต “ การควบคุมรถ ตำแหน่ง “ท่านั่ง”
ปรับท่านั้นที่สามารถควบคุมรถที่ดีที่สุด มีทัศนวิสัยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระยะแขนกับพวงมาลัยระยะห่างพอดี สามารถวางระยะขา สามารถควบคุมแป้นเบรก / คันเร่ง / คลัทช์ได้ดี ตำแหน่งการนั่งที่ไม่ดี เมื่อรถเกิดการสั่นสะเทือนเอียงไปเอียงมา หมายความว่า ตัวเราจะเคลื่อนไหวจนไม่สามารถควบคุมบังคับรถได้เท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย คันเร่ง เบรก หรือ คลัทช์ ซึ่งมีความสำคัญมาก การขับรถที่ดีควรเป็นไปอย่างราบเรียบ เมื่อรู้สึกว่าเครียดกับการควบคุมบังคับรถ แสดงว่าเราใช้ความเร็วสูงเกินไป ควรลดความเร็วลง
การจับพวงมาลัย
จะต้องจับตำแหน่ง 2 นาฬิกา ยื่นหัวแม่โป้ง จากพวงมาลัย ขณะขับขี่ห้าสอด มือ แขน เมื่อ พวงมาลัย เมื่อดึงพวงมาลัย เมื่อเลี้ยวหรือเข้าโค้ง เนื่องจากการขับขี่ทางวิบาก รถอาจตกหลุม กระแทกพวงมาลัยอาจจะหมุนรุนแรงตีมือได้ โดยเฉพาะรถที่ไม่มีโช๊คกันสะบัดและไม่มีเพาเวอร์
การขับขี่รถมีการตอบสนอง 3 ประการ
1. การเร่ง
2. การเบรก
3. การเลี้ยว
การเร่ง
- ค่อยๆเหยียบคันเร่ง เพื่อป้องกันล้อหมุนฟรี
- การเร่งเครื่องแรงเกินไปจนกระทั่งหมุนฟรี จะมีผลเสีย ซึ่งในบางครั้งล้ออาจจะจมลงในทรายหรือโคลน ซึ่งยากต่อการดึงขึ้น หรือเกิดการสไลด์ลื่นไถลทำให้ยากต่อการควบคุม
- รักษาคันเร่งให้คงที่ เป็นวิธีที่จะให้ตัวรถเคลื่อนไปด้วยความราบเรียบและนุ่มนวล ตัวคันเร่งนั้น เมื่อเราใช้เกียร์ต่ำ จะมีผลตอบสนองที่เร็วมาก ด้วยเหตุนี้เราจึงควรเหยียบคันเร่งให้อยู่ในรอบเครื่องยนต์คงที่ตลอดเวลาที่ผ่านอุปสรรคต่างๆ ไม่จำเป็นต้องใช้รอบเคร่องสูงแต่ประการใด ถ้าเครื่องยนต์มีกำลังดีแล้วเพียงรอบต่ำก็พอ
- ถอนคันเร่งเบาๆ เพื่อให้การลดความเร็วเป็นไปอย่างนุ่มนวล
- เมื่อต้องลดความเร็วลง ให้ใช้วิธีค่อยๆ ผ่อนคันเร่งอย่างช้าๆ ไม่ควรถอนคันเร่องอย่างฉับพลันเพราะจากอัตราทดของเฟือง จะทำให้ตัวรถเกิดการกรตุกอาจจะเสียการทรงตัว
การเบรก
- พยายามเบรกอย่างนุ่มนวล ป้องกันมีการลื่นไถล
- ถ้าเบรกรุนแรง อาจทำให้ล้อเกิดอาการล็อกตาย และการลื่นไถล ซึ่งอาจเป็นอันตรายย่างยิ่ง
- หลีกเลี่ยงการใช้เบรก บังคับรถโดย Engine Brake จากเกียร์และระบบ 4X4 L
การเลี้ยว
- ไม่ควรหักเลี้ยวมากจนเกินความจำเป็น การหมุนพวงมาลัยมากเกินไปจะทำให้เกิดการหลงไม่ทราบ ลักษณะการหักเลี้ยวของล้อ ก่อให้เกิดปัญหากับการบังคับทิศทาง
- ถ้ารถเลี้ยวอาการไถลด้านข้างให้ค่อยๆ หมุนพวงมาลัยตามทิศทางที่ลื่นไถลและค่อนๆถอนเท้าออกจากคันเร่ง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดการหักขืนของตัวรถ ซึ่งจะทำให้เกิดการลื่นไถลมาขึ้น จนยากต่อการแก้ไข และอาจเป็นเหตุผลให้ตัวรถเกิดการพลิกคว่ำได้
- หลีกเลี่ยงการโยกไหล่และศีรษะเมื่อหมุนพวงมาลัย เพราะเมื่อตัวเรานิ่งอยู่กับที่เราสามารถบังคับรถได้ง่าย แต่ถ้าตัวเราโยกศีรษะไม่นิ่ง ก็ก่อให้เกิดปัญหากับการควบคุมบังคับ ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายได้ง่าย โดยเฉพาะยามขับรถบนเส้นทางขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ
ข้อมูลโดย ThailandOffroad.com
การขับรถข้ามน้ำ
การนำรถข้ามน้ำทำได้หลายวิธี แล้วแต่สภาพพื้นที่ที่ต้องการจะข้าม
หลักการข้ามน้ำทั่วไปในเส้นทางที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคย เราจะต้องลงไปสำรวจร่องน้ำเสียก่อนว่ามีความลึกส่วนใดบ้างที่รถวิ่งผ่านได้ มีหินใต้น้ำ หลุมใต้น้ำ และหาทางสำรวจไว้สำหรับรถคันต่อไปด้วย
เนื่องจากรถคันแรกอาจจะตะกุยพื้นใต้น้ำเป็นร่องลึกรถคันต่อไปควรจะเปลี่ยนเส้นทางไปทางอื่นบ้าง และที่สำคัญคือกระแสน้ำไหลแรงหรือไม่ ถ้าน้ำแรงมากขนาดคนเดินข้ามไม่ได้อย่าเสี่ยงดีกว่า ให้หาวิธีอื่น
สภาพร่องน้ำทั่วไปจะเป็นหินกรวด ทราย และดินดานแข็ง รถวิ่งได้ แต่ในทางพื้นที่ที่เป็นท้องน้ำไม่เคยมีรถวิ่งผ่านมาก่อน และเป็นทรายควรลงไปสำรวจความแน่นของท้องน้ำด้วย ส่วนที่เป็นท้องน้ำพื้นจะแข็ง ในส่วนที่ไม่ใช่ร่องน้ำทรายจะไม่แน่น ต้องใช้วิธี Winch ข้ามน้ำอย่างเดียวเท่านั้น
หลักการขับรถข้ามน้ำ
1. ลงเดินสำรวจร่องน้ำ
2. ประมาณความแรงของกระแสน้ำว่ารถข้ามได้หรือไม่ คนเดินข้ามได้ รถข้ามได้
3. ดูทิศทางที่รถจะขึ้นฝั่ง ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้กระแสน้ำช่วยส่งรถขึ้นฝั่ง
4. ถ้าตลิ่งฝั่งตรงข้ามเป็นโคลนต้องเตรียมการใช้ Winch ช่วย ก็ให้หาต้นไม้ไว้ก่อนได้เลย
5. Jeep Cherokee มีระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องอยู่มาก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ให้ปิดระบบ Air Con, และระบบไฟฟ้าทั้งหมดในรถ เปิดกระจก
6. ขับรถลงน้ำอย่างช้าๆ ไม่ให้น้ำกระเด็นเข้าไปในห้องเครื่อง ใช้เกียร์ต่ำในการขับรถ
7. ขับรถในน้ำช้าๆ เพื่อไม่ให้เกิดคลื่นหน้ารถบังทัศนวิสัยด้านหน้า และไม่ให้น้ำกระเด็นขึ้นกระจกหน้ารถ
8. ก่อนขึ้นฝั่ง ถ้ามีจังหวะเร่งเครื่องยนต์ให้เร่งเครื่องยนต์ส่งรถขึ้นฝั่ง เพื่อป้องกันรถติดดินและริมตลิ่ง
9. เมื่อขึ้นจากน้ำได้แล้ว ขณะรถวิ่งควรเบรกเป็นระยะๆ เพื่อทำให้เบรกแห้ง
10. หลังจากผ่านน้ำมาได้แล้ว เสียงเครื่องยนต์ผิดปกติ ให้สำรวจว่าน้ำเข้าห้องเกียร์ ห้องเครื่อง เฟืองท้าย เฟืองหน้าหรือไม่
การขับรถข้ามน้ำ ทำได้หลายวิธี ตามระดับความลึกและความแรงของกระแสน้ำ ฯลฯ เช่น
1. ขับรถข้ามน้ำที่ไม่ลึกมาก ความลึกไม่เกิน 70 ซม. ,/br> 2. ขับรถข้ามน้ำที่มีความลึก 1 เมตร
3. ขับรถข้ามน้ำที่มีความลึก 1.20 เมตร
ถ้าจะพูดถึงวิธีการต่างๆ ให้ละเอียดมากกว่านี้คงจะไม่พอเขียน เนื่องจากมีรายละเอียดมาก ขอพูดคุยเพียงเท่านี้ก่อน สิ่งสำคัญควรฉีดน้ำยาครอบจักรวาล Sonex ในห้องเครื่องให้ทั่วก่อนลงน้ำ
ข้อมูลโดย ThailandOffroad.com
การขับรถขึ้นเขาทางลาดชัน
การขับขึ้นลงเขาที่เป็นทางลาดชันมากๆ แต่เป็นระยะทางไม่ยาวไกลนัก ใช้เกียร์ 4L-2 ขับขึ้นเนินไม่ต้องเร่งเครื่องมากนัก ถ้ากำลังรถไม่พอให้เปลี่ยนเกียร์ 4L-1 อย่าเร่งเครื่องมาก คลัชท์จะลื่น
การลงเนินให้ใช้เกียร์ 4L-3 หรือ 2 โดยการประมาณความลาดชันก่อนว่าควรจะใช้กำลังทดจากเครื่องและเกียร์เท่าไรขณะลงจากเนิน ถ้าเป็นทางแห้งจะไม่มีปัญหาเท่าไรนัก ถ้าเป็นทางที่มีหินลอย ทางลื่นมาก ทางที่มีรากไม้ อย่าใช้เบรครถเด็ดขาดเพราะท้ายรถจะปัดและอาจพลิกคว่ำได้
สำหรับ เจ้าทาร์ซานใส่สูท จะได้เปรียบรถกระบะ 4WD ทั่วไปในเรื่องนี้ เนื่องจากโครงสร้างที่เป็นระบบยูนิเฟรมคล้ายแบบรถเก๋ง ทำให้รถสามารถบิดตัวได้ดี พูดง่ายๆว่าคว่ำยากกว่ารถกระบะ 4WD ทั่วไป สำหรับผู้เขียนยังไม่เคยเห็นรถ Jeep Cherokee พลิกคว่ำแบบนี้บนเขาเลย
การลงเนินลาดชันแบบนี้ อย่าใช้เกียร์ถอยหลังลงเนิน เนื่องจากเป็นการฝืนธรรมชาติเครื่องยนต์ และเกียร์จะทำงานหนักมาก เกียร์พังถ้าเป็นทางแห้ง ทางลื่นอาจจะไม่พัง
การขึ้นเนินลาดชันยาวที่มีระยะทางไกล การขับขึ้นเนินนี้ต้องใช้ความเร็วของรถเร่งส่งขึ้นเนินเพื่อให้รถมีแรงส่ง การขับขึ้นไปต้องดู Line ให้ตลอดเส้นทางก่อนโดยใช้เกียร์ 4L-3, 2, 1 อย่าเร่งเครื่องมากจนคลัชท์ลื่นนะครับ ถ้าขึ้นไปไม่สุดปลายเนินรถหมดกำลังงานต้องใช้ Winch ตัวเก่งละครับ ดึงขึ้นไปโดยเตรียมการผูกสายรัดต้นไม้ไว้ก่อนล่วงหน้าได้เลย จะได้ไม่เสียเวลา
การขับขึ้นเนินสูงชันแบบนี้ถ้าเป็นทางลื่นควรระมัดระวังหน้ารถจะปัด หรือไถลออกนอกทาง
การลงเนินให้ใช้เกียร์ 4L-3 หรือ 2 โดยการประมาณความลาดชันก่อนว่าควรจะใช้กำลังทดจากเครื่องและเกียร์เท่าไรขณะลงจากเนิน ถ้าเป็นทางแห้งจะไม่มีปัญหาเท่าไรนัก ถ้าเป็นทางที่มีหินลอย ทางลื่นมาก ทางที่มีรากไม้ อย่าใช้เบรครถเด็ดขาดเพราะท้ายรถจะปัดและอาจพลิกคว่ำได้
สำหรับ เจ้าทาร์ซานใส่สูท จะได้เปรียบรถกระบะ 4WD ทั่วไปในเรื่องนี้ เนื่องจากโครงสร้างที่เป็นระบบยูนิเฟรมคล้ายแบบรถเก๋ง ทำให้รถสามารถบิดตัวได้ดี พูดง่ายๆว่าคว่ำยากกว่ารถกระบะ 4WD ทั่วไป สำหรับผู้เขียนยังไม่เคยเห็นรถ Jeep Cherokee พลิกคว่ำแบบนี้บนเขาเลย
การลงเนินลาดชันแบบนี้ อย่าใช้เกียร์ถอยหลังลงเนิน เนื่องจากเป็นการฝืนธรรมชาติเครื่องยนต์ และเกียร์จะทำงานหนักมาก เกียร์พังถ้าเป็นทางแห้ง ทางลื่นอาจจะไม่พัง
การขึ้นเนินลาดชันยาวที่มีระยะทางไกล การขับขึ้นเนินนี้ต้องใช้ความเร็วของรถเร่งส่งขึ้นเนินเพื่อให้รถมีแรงส่ง การขับขึ้นไปต้องดู Line ให้ตลอดเส้นทางก่อนโดยใช้เกียร์ 4L-3, 2, 1 อย่าเร่งเครื่องมากจนคลัชท์ลื่นนะครับ ถ้าขึ้นไปไม่สุดปลายเนินรถหมดกำลังงานต้องใช้ Winch ตัวเก่งละครับ ดึงขึ้นไปโดยเตรียมการผูกสายรัดต้นไม้ไว้ก่อนล่วงหน้าได้เลย จะได้ไม่เสียเวลา
การขับขึ้นเนินสูงชันแบบนี้ถ้าเป็นทางลื่นควรระมัดระวังหน้ารถจะปัด หรือไถลออกนอกทาง
วิธีง่ายๆในการขับขึ้นเนินลื่น 1. เกาะร่องล้อเดิมที่มีอยู่
2. ขุดดินเป็นร่องบังคับล้อรถ การลงเนินลาดชันระยะยาวไกลแบบนี้ ก็คล้ายกับการลงเนินลาดชันทั่วไป ข้อสำคัญอย่าใช้เบรกถ้าทางลื่น ถ้าทางลื่นมากอย่าขับรถลงมาจะดีกว่า ยังไงก็เอาไม่อยู่ ถึงจะใส่โซ่หรือขุดร่องบังคับล้อรับรองตกเขาแน่นอน ยกเว้นจะใช้ Winch โรยตัวลงมาโดยถอยหลังหรือใช้รถของเพื่อนร่วมทางช่วยโรยตัวลงมา
2. ขุดดินเป็นร่องบังคับล้อรถ การลงเนินลาดชันระยะยาวไกลแบบนี้ ก็คล้ายกับการลงเนินลาดชันทั่วไป ข้อสำคัญอย่าใช้เบรกถ้าทางลื่น ถ้าทางลื่นมากอย่าขับรถลงมาจะดีกว่า ยังไงก็เอาไม่อยู่ ถึงจะใส่โซ่หรือขุดร่องบังคับล้อรับรองตกเขาแน่นอน ยกเว้นจะใช้ Winch โรยตัวลงมาโดยถอยหลังหรือใช้รถของเพื่อนร่วมทางช่วยโรยตัวลงมา
ทางโคลนทางโคลนเป็นทางที่ไม่น่ากลัวอะไรมากนัก แต่มีวิธีการขับและกู้รถในบ่อโคลนหลายรูปแบบ ถ้ามีโอกาสจะนำมาเขียนภายหลัง
บทความที่กล่าวมานี้เป็นกาเล่าจากประสบการณ์จริงในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย และประเทศในแถบอินโดจีนและตกวันออกกลาง การเขียนจะเป็นการบอกกล่าวเล่าเรื่อง และพูดคุยกันในจุดสำคัญๆ ขอให้สนุกกับการเดินทางและขับรถนะครับ
บทความที่กล่าวมานี้เป็นกาเล่าจากประสบการณ์จริงในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย และประเทศในแถบอินโดจีนและตกวันออกกลาง การเขียนจะเป็นการบอกกล่าวเล่าเรื่อง และพูดคุยกันในจุดสำคัญๆ ขอให้สนุกกับการเดินทางและขับรถนะครับ
ข้อมูลโดย ThailandOffroad.com
ทางหิน หรือ กรวด การขับรถบนหินหรือพื้นกรวดของลำธารที่แห้ง ขณะขับรถให้ควรระมัดระวังเรื่องตำแหน่งของล้อรถ ช่วงล่างต่างๆของรถ เฟืองท้าย และเฟืองหน้า
- ยางรถ จุดอ่อนของยางอยู่ที่แก้มยาง ถ้าไปเบียดหินแก้มยางจะฉีก ถ้าขับด้วยความเร็วไปชนหิน ยางจะหลุดขอบลมรั่วออกมาได้ เพราะฉะนั้นการวางตำแหน่งล้อจึงเป็นสิ่งสำคัญ การปีนหินควรให้หน้ายางสัมผัสหินให้มากที่สุด
- ยางรถ จุดอ่อนของยางอยู่ที่แก้มยาง ถ้าไปเบียดหินแก้มยางจะฉีก ถ้าขับด้วยความเร็วไปชนหิน ยางจะหลุดขอบลมรั่วออกมาได้ เพราะฉะนั้นการวางตำแหน่งล้อจึงเป็นสิ่งสำคัญ การปีนหินควรให้หน้ายางสัมผัสหินให้มากที่สุด
- การขับรถขึ้นบนก้อนหิน เมื่อวางตำแหน่งล้อได้แล้ว (มีคนบอก Line ด้านหน้ารถ) ใช้เกียร์ต่ำส่งรถขึ้นบนก้อนหิน เมื่อถึงจุดสูงสุดของบนก้อนหินแล้วให้เบรกรถแล้วค่อยๆ ลงมาอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันช่วงล่างของรถกระแทกกับหิน
- ควรสังเกตและจำไว้เสมอว่าเฟืองท้าย และเฟืองหน้ารถอยู่ทางซ้ายหรือขวา ถ้าจะขับรถคร่อมก้อนหิน ก้อนหินจะได้ไม่กระแทกกับเฟืองท้ายและเฟืองหน้ารถ
- ถ้าเป็นการขับขึ้นก้อนหินขนาดใหญ่ที่ล้อรถจะต้องขึ้นพร้อมกัน ต้องให้ล้อหน้ารถขึ้นไปเกยบนก้อนหินเสียก่อน แล้วใช้เกียร์ต่ำเร่งส่งรถขึ้นไป รถจะกระโจนตัวขึ้นไปบนก้อนหินได้อย่างง่ายดาย
- ถ้าเป็นการขับรถลงจากก้อนหินขนาดใหญ่ ให้ใช้เกียร์ต่ำขับลงมาและใช้เบรกช่วย ค่อยๆลง หน้ารถจะได้ไม่กระแทกกับพื้นเกิดความเสียหายให้ล้อหน้าลงถึงพื้นก่อนแล้วค่อยๆขับลงมา
ข้อมูลโดยThailandOffroad.com
ใช้รถ2คันลากรถข้ามห้วย
การใช้รถ 2 คันลากรถข้ามห้วย หรือบ่อโคลนลึก ในกรณีต้องมีรอกและสลิงต่อช่วยเพิ่มระยะทาง
ข้อมูลโดย ThailandOffroad.Com
ลงหรือขึ้นทางชันมาก
ลงหรือขึ้นทางชันมาก ใช้กรณีที่ทางขาดไม่สามารถจะใช้วิธีอื่นๆได้ แต่จำเป็นจะต้องเปิดทางวิ่งใหม่ โดยใช้ท่อนไม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว จำนวน 2 ท่อน พันด้วยโซ่ล็อคแทนแผ่นรอง แล้ว Winch รถขึ้นไป
ข้อมูลโดยThailandOffroad.Com
ทางขาดที่ไม่กว้างมากนัก
ทางขาดที่ไม่กว้างมากนัก ใช้ไม้สองท่อนพันด้วยโซ่ล็อคทั้งสองข้าง วางพาดบนทางที่ขาด ใช้ในกรณีที่ไม่มีไม้ยาวพอจะทำสะพานซุง
ข้อมูลโดย ThailandOffroad.Com
รถตกไหล่ทาง
รถตกไหล่ทาง ใช้ Winch ดึงด้านหน้า และใช้สลิงดึงท้ายรถไว้เพื่อให้หน้ารถหันขึ้นมา
ข้อมูลโดย ThailandOffroad.Com
ทางขาด
ข้อมูลโดย ThailandOffroad.Com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น